สาระประมวล
ความมุ่งหมาย เพื่อศึกษาและให้เข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหารรูปแบบต่างๆ
ที่นอกเหนือจากการทำสงคราม เช่น การปฏิบัติการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม เป็นต้น
ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวเริ่มจะมีบทบาทมากขึ้น
ขอบเขตการศึกษา บรรยายถึง
๑. ความหมายและความเป็นมาของการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทำสงคราม
๒. หลักการของการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทำสงคราม
๓. รูปแบบต่างๆ
ของการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทำสงคราม
๔. กฎหมายและข้อจำกัดต่างๆ
ที่เกี่ยวข้อง
๕. ความสัมพันธ์ของทหารและพลเรือนในการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทำสงคราม
๖. ตัวอย่างการปฏิบัติการที่สำคัญ
รวมทั้งกรณีศึกษาต่างๆ เช่น เหตุการณ์ในกัมพูชา อดีตยูโกสลาเวีย และโซมาเลีย
เป็นต้น
สาระคู่มือ
๑. ความสำคัญ
จากการที่สถานการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลงไป
การรักษาความมั่นคงของรัฐใดๆ
ด้วยการเตรียมกำลังทหารไว้สำหรับเผชิญหน้ากับการทำสงครามหรือปฏิบัติการรบต่อต้านผู้รุกรานนั้น
มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยลง
รูปแบบของภัยคุกคามมิได้จำกัดอยู่ที่เป็นกำลังทหารแต่เพียงอย่างเดียว
อาจจะผสมผสานในรูปแบบของสงครามเศรษฐกิจ การแข่งขันทางการเมือง
หรือความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์ ตลอดจนการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ
ทำให้การใช้กำลังทหารในการปฏิบัติตามรูปแบบและหลักนิยมดั้งเดิมอาจต้องปรับเปลี่ยนไป
การใช้กำลังทหารในการปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งพื้นที่ปฏิบัติการมิใช่สนามรบ
เป้าหมายมิใช่ชัยชนะเหนือข้าศึก จึงกล่าวไว้รวมๆ ว่าเป็น
การปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทำสงคราม (Military
Operations Other Than War)
๒. ความมุ่งหมาย
เพื่อให้ทราบและเข้าใจถึงขอบเขตและรูปแบบต่างๆ
ของการปฏิบัติการทางทหารที่มิใช่สงคราม
ตลอดจนการประยุกต์ใช้หลักการสงครามและหลักนิยมในการรบ การเตรียมกำลังทหาร
และการพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยกำลังรบปกติให้สามารถปฏิบัติภารกิจทางทหารที่มิใช่การทำสงครามได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
๓. สาระสังเขปการศึกษา
การใช้กำลังทหารโดยปกติแล้วมีวัตถุประสงค์
เพื่อรักษาเอกราชและครามมั่นคงของชาติ
โดยการสู้รบตั้งแต่ระดับปฏิบัติการทางยุทธวิธีไปจนถึงการทำสงครามขนาดใหญ่
นอกจากนั้นแล้วกำลังทหารยังได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบภารกิจอื่นที่จะต้องเผชิญกับอันตรายหรือภัยคุกคามร้ายแรงในสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ดีกว่าหน่วยงานอื่นๆ
ดังนั้นกำลังทหารอาจจะได้รับมอบหมายหรือมีบทบาทช่วยเหลือในการพัฒนาประเทศ
ช่วยเหลือในด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้กับฝ่ายพลเรือน และแม้แต่เป็นกำลังสำคัญในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและสันติภาพโดยรวมของสังคมโลก
ภารกิจดังกล่าว อาจเป็นการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม การปลดอาวุธ
การดูแลการจัดการเลือกตั้ง การฟื้นฟูบูรณะดินแดนภายหลังการสู้รบ
หรืออาจเป็นการปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ ซึ่งรวมถึงการบีบบังคับให้เกิดสันติภาพและการรักษาสันติภาพ
เป็นต้น
การวางแผนปฏิบัติการทางทหารที่นอกเหนือจากการทำสงครามนั้น
มีขั้นตอนการดำเนินการคล้ายคลึงกับการวางแผนทางทหารในการทำสงคราม
แต่จะมีข้อแตกต่างที่ต้องคำนึงถึงการประสานงานกับฝ่ายการเมืองและฝ่ายพลเรือน
ดังนั้นจะต้องให้ความสำคัญกับฝ่ายกิจการพลเรือนพอๆ กับฝ่ายยุทธการ
นอกจากนั้นข้อจำกัดด้านอื่นๆ เช่น นโยบายของรัฐบาล กฎการปะทะหรือกฎการใช้กำลัง
หรือแม้แต่กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิทธิในการป้องกันตนเองในระดับต่างๆ
ของหน่วยกำลังทหารที่ปฏิบัติงานร่วมกันของแต่ละชาติ ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุถึงความสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น
จะเห็นได้ชัดเจนในท้ายที่สุดว่า การปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทำสงคราม
เป้าหมายมิใช่ชัยชนะเหนือฝ่ายตรงข้าม
วัตถุประสงค์มิใช่การทำลายล้างกำลังทหารของศัตรู แต่เป้าหมายเป็นการสร้างสันติภาพ
การฟื้นฟูบูรณะปัจจัยต่างๆ ให้เหมาะสมต่อการดำรงอยู่ของสังคมโลกโดยส่วนรวม
๔. วิธีดำเนินการศึกษา
๔.๑ บรรยายในห้องเรียน ๓ ชั่วโมง
๔.๒ แบ่งกลุ่มสัมมนา ๓ ชั่วโมง
๔.๓ แถลงผลการสัมมนา ๓ ชั่วโมง
๕. ประเด็นคำถามสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาที่ศึกษา
๖. เอกสารประกอบการศึกษา
๖.๑ เอกสารของผู้บรรยาย
หรือตามที่ผู้บรรยายกำหนด
๖.๒ อทร.๘๐๐๓, หลักนิยมสำหรับการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากการทำสงคราม
๖.๓ Joint
Doctrine for Military Operations Other Than War, Joint Pub 3-07
๖.๔
Joint
Doctrine Joint Force Employment Briefing Modules, presentations and focuses
on military operations other than war (MOOTW)
๗. เอกสารอ่านประกอบเพิ่มเติม