สาระประมวล
ความมุ่งหมาย เพื่อให้นายทหารนักเรียนเข้าใจถึงหลักการในการทำสงครามและลักษณะการทำสงครามที่แตกต่างกันตามยุคตามสมัย
ตามพื้นที่ภูมิภาคของโลกที่สำคัญ จนกระทั่งปรากฏเป็นแนวทางที่ยอมรับเป็นหลักการและทฤษฎีในปัจจุบัน
ขอบเขตการศึกษา บรรยาย
๑. สงครามที่สำคัญของโลกในอดีตจนถึงปัจจุบัน
๒. คำจำกัดความหรือความหมายเกี่ยวกับสงครามในลักษณะต่างๆ เช่น
๒.๑ สงครามกองโจร พร้อมตัวอย่างกรณีการสงครามในลักษณะเช่นนี้
๒.๒ สงครามจำกัด พร้อมตัวอย่างกรณีการสงครามในลักษณะเช่นนี้
๒.๓ สงครามเบ็ดเสร็จ พร้อมตัวอย่างกรณีการสงครามในลักษณะเช่นนี้
๒.๔ สงครามปฏิวัติ พร้อมตัวอย่างกรณีการสงครามในลักษณะเช่นนี้
๒.๕ สงครามสงครามข้อมูลข่าวสาร พร้อมตัวอย่างกรณีการสงครามในลักษณะเช่นนี้
สาระคู่มือ
๑. ความสำคัญ
สงครามจำกัด (Limited War) คือการสงครามที่กระทำด้วย วัตถุประสงค์จำกัด
โดยใช้กำลังอำนาจของชาติที่มีอยู่และวิธีการจำกัด (ซึ่งวิธีการสู้รบนี้จะสะท้อนออกมาให้เห็นในรูปแบบของการใช้อาวุธ)
รวมทั้งการทำการสู้รบในพื้นที่ยุทธบริเวณอันจำกัดขอบเขต
สงครามจำกัดอาจกระทำกันยืดเยื้อ กินเวลานานนับปี เช่น สงครามรวมชาติเยอรมัน
สงครามกลางเมืองในจีน หรือเป็นสงครามจำกัดยุทธบริเวณ
เช่น สงครามฟอล์คแลนด์ สงครามอ่าวเปอร์เซีย
หรือสงครามที่ถูกจำกัดด้วยพลังทางการเมืองและอื่นๆ
ข้อแตกต่างระหว่าง สงครามทั่วไปกับสงครามจำกัด บางครั้งยังไม่เด่นชัดนัก
ในบางกรณีสงครามจำกัด จะครอบคลุมระดับของความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ที่มีขอบเขตค่อนข้างกว้าง
ตั้งแต่การใช้กำลังอาวุธเข้าแทรกแซงในกิจการของประเทศอื่น
จนถึงสงครามนอกแบบภายในประเทศ เช่น สงครามเกาหลีที่มีประเทศเข้าร่วมในสงครามเกือบทั่วโลก
มีการเกณฑ์ทรัพยากรต่างๆ เป็นจำนวนมากใช้ภายในระยะเวลา ๒ ปี ของการสงคราม
รวมทั้งมีความตั้งใจที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม
สงครามครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นเพียงสงครามจำกัดทางภูมิศาสตร์เท่านั้น
ครั้นต่อมาการต่อสู้และการขยายวงของลัทธิคอมมิวนิสต์ได้แพร่จากจีน
โดยยุทธศาสตร์ของเหมาเซตุง อันได้แก่ การป้องกันทางยุทธศาสตร์ (Strategic
Defense) การดำรงสภาพทางยุทธศาสตร์ (Strategic Stalemate) และการรุกทางยุทธศาสตร์ (Strategic Offensive) แพร่ขยายไปสู่เวียดนาม
และ อินโดจีน จนมีผลกระทบต่อสถานการณ์ของประเทศไทยในยุคสมัยหนึ่ง
และแม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน การแพร่กระจายของลัทธิคอมมิวนิสต์จะเบาบางลง
จากการสิ้นสุดของยุคสงครามเย็นแล้วก็ตาม
ความขัดแย้งและรากฐานของความไม่ตรงกันทางความคิด ก็ยังคงมีอยู่
ซึ่งอาจนำไปสู่การเริ่มยุคใหม่ของสงครามกองโจรได้
สงครามเบ็ดเสร็จ (Total War) คือ
การใช้กำลังทหารเข้าทำการรบกันระหว่างชาติคู่กรณี หรือกับชาติพันธมิตรของคู่กรณี
โดยมีจุดมุ่งหมายของการสู้รบอยู่ที่การทำลายล้างศัตรู
และยึดครองแผ่นดินของศัตรูโดยสิ้นเชิง และหากการสู้รบนี้ใช้กำลังอำนาจทั้งมวลที่มีอยู่
และขยายวงกว้างออกไปยังประเทศพันธมิตร แต่ละฝ่ายในระดับโลกด้วยแล้ว
สงครามที่เกิดขึ้นเรียกว่า สงครามทั่วไป (General War) ชาติที่มีส่วนร่วมในการรบประเภทนี้
จะต้องใช้กำลังอำนาจทั้งมวลที่มีอยู่เพื่อชัยชนะ และป้องกันการพ่ายแพ้
ซึ่งส่วนใหญ่จะรวมถึงการระดมสรรพกำลัง การเกณฑ์ทหาร และยุทโธปกรณ์ ในการรบทั้งปวง
อย่างไรก็ตามสงครามทั่วไปบางครั้งอาจเกิดขึ้นภายในภูมิภาคใด ๆ
โดยมีสมรภูมิรบเพียงแห่งเดียวก็ได้ เช่น สงคราม อาหรับ - อิสราเอล
ในปี ค.ศ.๑๙๔๘ และ ๑๙๗๑ ตัวอย่างที่ชัดเจนของสงครามประเภทนี้ได้แก่
สงครามโลกครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒
๒. ความมุ่งหมาย
เพื่อให้นายทหารนักเรียนได้เข้าใจถึงแนวความคิดในการดำเนินยุทธศาสตร์ทหารภายใต้ข้อจำกัดลักษณะใดลักษณะหนึ่ง
หรือร่วมกันของสงครามจำกัด ตลอดจนการใช้กำลังทหารในรูปแบบของสงครามกองโจรทั้งที่ปรากฏอยู่จากอดีตถึงปัจจุบัน
และแนวโน้มของสงครามจำกัดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เพื่อเป็นพื้นฐานในการกำหนดยุทธศาสตร์ทหารของชาติต่อไป
และให้เข้าใจถึงแนวคิดทางยุทธศาสตร์ทหาร
ของสงครามเบ็ดเสร็จที่ปรากฏอยู่จากอดีตถึงปัจจุบัน และแนวโน้มของสงครามเบ็ดเสร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยจะใช้บทเรียนจากสงครามโลกครั้งที่ ๑
ในเรื่องการเกิดข้อขัดแย้งที่เป็นชนวนให้เกิดสงคราม แนวคิดในการดำเนินการสงคราม
ตลอดจนการร่วมมือกันเพื่อจัดการสันติภาพภายหลังสงคราม
๓. สาระสังเขปการศึกษา
สงครามจำกัดมีหลายรูปแบบ
ที่จำเป็นต้องศึกษา ในหลักสูตรนี้ จะได้บรรยายถึง
๑. สงครามรวมชาติเยอรมัน
ซึ่งมีความยืดเยื้อ แต่ถูกจำกัดด้วยนโยบายและยุทธศาสตร์ของสงคราม ซึ่ง บิสมาร์ค (Otto von Bismarch)
ผู้เชี่ยวชาญทางทหารในฐานะนายกรัฐมนตรีแห่งปรัสเซีย
ได้ใช้ความสามารถในการผสมผสานการทหารและการทูตเข้าด้วยกัน ร่วมกับหลักการสงครามของ
เคล้าเซวิตซ์ ที่ว่าด้วย รัฐบาล - ทหาร - ประชาชน ทำให้ปรัสเซียยกฐานะขึ้นจนนำไปสู่ความต้องการทำสงครามรวมชาติเยอรมันในที่สุด
๒. สงครามเกาหลี
ซึ่งถูกจำกัดทั้งขอบเขต และนโยบายทางการเมือง
จนทำให้แม้ว่าในสงครามจะมีชาติพันธมิตรฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายคอมมิวนิสต์
จำนวนมากเข้าร่วม รวมทั้งมีความตั้งใจที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วยก็ตาม
แต่ก็ทำให้สงครามถูกจำกัดยุทธบริเวณอยู่เฉพาะในประเทศเกาหลี
และมีการใช้เพียงอาวุธตามแบบเท่านั้น
ผลของสงครามก็เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่าไม่มีผู้แพ้ - ผู้ชนะ
และยุติลงด้วยความไม่เต็ม
ใจของทั้งสองฝ่าย
๓. สงครามเวียดนาม
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ชาติต่าง ๆ
ซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจต่างก็ดิ้นรนเพื่ออิสรภาพ และเอกราชของชาติตน
กรณีของเวียดนามซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสก็เช่นกัน ได้ทำการต่อสู้ และผลของการรบที่สมรภูมิเดียนเบียนฟู ใน ค.ศ.๑๙๕๔ ทำให้มีข้อตกลง
เจนีวา
โดยแบ่งเวียดนามเป็นเหนือ และใต้
ฝ่ายเวียดนามเหนือภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ยังคงวัตถุประสงค์เพื่อรวมเวียดนามให้เป็นประเทศเดียว
ส่วนเวียดนามใต้ภายใต้การสนับสนุนของสหรัฐ ฯ พยายามที่จะดำรงสถานะเพื่อบรรลุยุทธศาสตร์ปิดล้อมของสหรัฐ
ฯ เมื่อลัทธิการปกครอง
และจุดมุ่งประสงค์ของทั้งสองฝ่ายไม่อาจรวมเข้าด้วยกันได้จึงได้เกิดการเผชิญหน้าของฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้
เวียดนามเหนือ ซึ่งแต่เดิมมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างจำกัด
ต้องเผชิญกับกำลังทหารที่มีความแข็งแกร่งกว่า จึงดำเนินยุทธศาสตร์สงครามกองโจร
ตามแนวคิด การทำสงครามประชาชน ๓ ขั้นตอนของ เหมาเซตุง อันได้แก่ Strategic
Defense, Strategic Stalemate และ Strategic offensive โดยนำมาปรับเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของฝ่ายสหรัฐ
ซึ่งเข้ามามีบทบาทในเวียดนามตั้งแต่ ปี ค.ศ.๑๙๕๔ ในฐานะผู้คัดค้านกองทัพของเวียดนามเหนือ
และยิ่งเพิ่มบทบาทมากขึ้นจากการต่อต้านการขยายอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์
จนต้องส่งทหารเข้าแทรกแซงโดยตรงในที่สุด ผลของการแทรกแซงทางทหารของฝ่ายสหรัฐนี้เอง
ทำให้เวียดนามเหนือปรับยุทธศาสตร์จากสงครามปฏิวัติเป็นสงครามกองโจรแบบไม่จำกัด
พร้อมกับทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดเข้าทำการรบ
ในขณะที่สหรัฐแม้ว่าจะได้ทุ่มเททรัพยากรอย่างมหาศาลเข้าสู่สงครามแต่ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ
ยังคงมีการดำรงจุดมุ่งหมายอย่างจำกัด อันส่งผลให้สหรัฐต้องสูญเสียอย่างมากมาย
จากมุมมองของนักยุทธศาสตร์สหรัฐ กล่าวไว้ว่า การเข้าร่วมในสงครามเวียดนาม
มาจากความเชื่อเกี่ยวกับนโยบายการจำกัดขอบเขต (Containment) เพื่อลดการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์
ตามทฤษฎี โดมิโน หลังจากที่ลัทธิดังกล่าวขยายตัวเข้าไปในจีนและเกาหลีเหนือใน ค.ศ. ๑๙๕๔ เป็นผลสำเร็จ และยังมีแนวโน้มจะขยายตัวเข้ามาในเวียดนามใต้
ลาว และกัมพูชา แต่นโยบายของผู้นำสหรัฐ
ต่อสถานการณ์ในเวียดนามไม่มีความกลมกลืนระหว่างการใช้กำลังทหารกับการดำเนินนโยบายทางการทูต
รวมทั้งการดำเนินยุทธศาสตร์ Pacification ที่มีวัตถุประสงค์พื้นฐานในการรักษาความปลอดภัยต่อพลเมืองท้องถิ่น
การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยและการจัดรูปแบบใหม่ของสังคมชนบท
ทำให้การใช้ยุทธศาสตร์ทหารไม่สามารถได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาดได้
ในขณะที่นโยบายทางการเมืองยังคงเกรงจะต้องขัดแย้งกับจีน ผลของความไม่กลมกลืนนี้
เปิดโอกาสให้เวียดนามเหนือปรับเข้าสู่ขั้นการรุกทางยุทธศาสตร์ตามทฤษฎีเหมาโดยทำการรุกใหญ่ในวันตรุษญวน
ใน ค.ศ.๑๙๖๘
อันเป็นจุดกลับสำคัญนำไปสู่การพ่ายแพ้ของสหรัฐ ต่อเวียดนามเหนือ
สงครามเบ็ดเสร็จ
ได้เคยมีนักประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า สงครามโลกครั้งที่ ๑
เปรียบเสมือนรอยแผลเป็นขนาดยักษ์ที่ได้แบ่งโลกของเราออกจากยุคก่อนปี ค.ศ.๑๙๑๔
ทุกประเทศที่มีส่วนร่วมในสงครามล้วนได้รับความบอบช้ำโดยทั่วหน้า
ได้ก่อการเปลี่ยนแปลงของสงครามขนาดใหญ่
มีการแบ่งแยกกลุ่มทางการเมืองอย่างเห็นได้ชัด ได้แก่ กลุ่มประเทศยุโรป
และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ในความพยายามที่จะให้บรรลุถึงความมุ่งหมายทางการเมืองของแต่ละชาติ
ผู้นำทั้งด้านการทหารและการเมืองประสบความยุ่งยากในการแก้ปัญหาและความท้าทายที่เกิดขึ้น
เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางด้านการทหารที่เปลี่ยนไป สงครามโลกครั้งที่ ๑
ได้แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ถึงความยากลำบาก
ปัญหาในการเกื้อกูลกันของยุทธศาสตร์ชาติต่าง ๆ ในยามสงคราม ปัญหาในการเตรียมการ
และปรับปรุงหลักนิยมในการปฏิบัติการทางทหารเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซ้อนในยามสงคราม ความสำคัญของสมุททานุภาพ
ความสัมพันธ์ระหว่างพลเรือน - ทหาร
ผลกระทบที่เกิดจากความยืดเยื้อของสงคราม
และความสูญเสียบาดเจ็บจำนวนมากที่เกิดขึ้นต่อการเมืองภายในประเทศ
ในด้านการทหาร ผู้นำของเยอรมันประสบปัญหา เนื่องจากการเปิดสงครามสองด้าน
ในส่วนของอังกฤษก็พบกับความยุ่งยากในการเอาชนะเยอรมัน ซึ่งจะต้องทุ่มเทอย่างมากในการปฏิบัติการทางทหาร
โดยเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายสัมพันธมิตร
รวมทั้งมุ่งหวังที่จะยังคงมีอำนาจต่อรองเพื่อดำเนินการด้านสันติภาพหลังสงครามยุติด้วย
การปิดอ่าวของอังกฤษต่อเยอรมันได้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบของยุทธศาสตร์การปิดล้อมที่กระทบต่อประเทศที่มีอำนาจในด้านอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงบทเรียนของการใช้ยุทธศาสตร์เรือดำน้ำของเยอรมัน
แสดงให้เห็นถึงจุดที่ทำให้เยอรมันพ่ายแพ้เมื่อใช้เรือดำน้ำเปิดสงครามกับอเมริกัน
การเข้าร่วมสงครามของสหรัฐ
ฯเป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ของเยอรมันในช่วงตอนท้ายของสงคราม สหรัฐ ฯ
ได้ส่งกำลังกองทัพบกขนาดใหญ่เข้าสู่สมรภูมิทางด้านแนวชายแดนฝรั่งเศส
ซึ่งมีจุดที่ต้องศึกษาเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ในการส่งกำลังทหารเข้าไปในยุโรป
และการใช้ยุทธศาสตร์ประสานกันระหว่างสหรัฐ ฯ และสัมพันธมิตรในการต่อสู้กับเยอรมัน
รวมทั้งในท้ายที่สุดได้แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจทางทะเลได้เป็นตัวตัดสินผลแพ้
- ชนะ ของสงครามโลกครั้งที่ ๑
ทำให้เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทดสอบทฤษฎียุทธศาสตร์ของมาฮาน
และคอร์เบทต์ ได้อีกด้วย
๔. วิธีดำเนินการศึกษา
๔.๑
บรรยายในห้องเรียน ๓ ชั่วโมง
๕. ประเด็นคำถามสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาที่ศึกษา
๖. เอกสารประกอบการศึกษา
๖.๑ บทเรียนยุทธศาสตร์ทางเรือจากประวัติสงคราม
โดย พล.ร.ต.สำเภา พลธร
๗. เอกสารอ่านประกอบเพิ่มเติม
๗.๑ ยุทธศาสตร์โลก ; วิวัฒนาการและอนาคตของ
พล.ท.อภิชาติ ธีรธำรง (ห้องสมุด ยศ.ทร.)
๗.๒ สงครามโลกครั้งที่ ๑ - ๒
และสงครามเกาหลี โดย น.อ.ปรีชา
ศรีวาลัย (ห้องสมุด ยศ.ทร.)
๗.๓ สงครามปัจจุบัน; ปรีชา ศรีวาลัย
(ห้องสมุด ยศ.ทร.)
๗.๔ อินโดจีนในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ โดย ภูวดล
ทองประเสริฐ
, สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๕๓๕ (ห้องสมุด ยศ.ทร.)
๗.๕ วิวัฒนาการของสงครามทางเรือ โดย พล.ร.ต.ชะโอษฐ พัฒนฤกษ์สิน พิมพ์ พ.ศ.๒๕๓๗ (ห้องสมุด ยศ.ทร.)