สาระประมวล
ความมุ่งหมาย เพื่อให้นายทหารนักเรียนมีความรู้และเข้าใจถึงการทำสงครามทางเรือในอดีตถึงปัจจุบัน
บทเรียนจากประวัติสงครามทางเรือ ผลกระทบ อุปสรรค และข้อแก้ไขที่สำคัญ เกี่ยวกับพลังอำนาจของชาติทางทะเล
แนวความคิดในการเสริมอำนาจทางทะเล และการกำหนดยุทธศาสตร์ทางเรือของไทย
ขอบเขตการศึกษา บรรยายถึง
๑. ประวัติการสงครามทางเรือ
๒. บทเรียนที่ได้รับจากสงครามทางเรือ
๓. บทเรียนจากสงครามกับการกำหนดยุทธศาสตร์ทางเรือ
๔. การพัฒนายุทธศาสตร์ทางเรือจากอดีตถึงปัจจุบัน
๕. ยุทธศาสตร์ทางเรือของประเทศใกล้เคียง
๖. ผลกระทบและอุปสรรคที่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ทางเรือของไทย
๗. แนวความคิดในการเสริมสร้างพลังอำนาจทางทะเลและการกำหนดยุทธศาสตร์ทางเรือ
สาระคู่มือ
๑. ความสำคัญ
การนำกำลังอำนาจทางทะเลไปใช้ในการปฏิบัติการทางทหารระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Level) ระดับยุทธการ
(Operational Level) และระดับยุทธวิธี
(Tactical Level) นั้นประเทศจะต้องมีอิสรเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการใช้ทะเลเพื่อวัตถุประสงค์ใด
ๆ ที่ต้องการ และเมื่อใดที่อิสรเสรีภาพในการใช้ทะเลถูกขัดขวาง ประเทศนั้น ๆ
จะต้องปกป้องหรือดำเนินการใด ๆ
ให้ได้มาซึ่งการใช้ประโยชน์จากทะเลเช่นเดิมจากประวัติการสงครามทางเรือในอดีต
จะแสดงให้เห็นยุทธศาสตร์ของการใช้กำลังอำนาจทางเรือ ในหลายประการ อาทิเช่น
การครองทะเล การควบคุมทะเล
การมีอำนาจการรบเหนือข้าศึกในพื้นที่ทำการรบ การปฏิเสธการใช้ทะเล กองเรือคงชีพ
และการขยายกำลังอำนาจทางเรือขึ้นสู่ฝั่ง เป็นต้น
๒. ความมุ่งหมาย
เพื่อศึกษาถึงประวัติการสงครามทางเรือ
บทเรียนที่ได้รับจากสงครามทางเรือ การพัฒนายุทธศาสตร์ทางเรือจากอดีตมาถึงปัจจุบัน
และบทเรียนจากสงครามกับการกำหนดยุทธศาสตร์ทางเรือ ตลอดจนให้ นทน.นำยุทธศาสตร์ทางเรือของประเทศใกล้เคียงที่ทราบ
เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการกำหนดยุทธศาสตร์ทางเรือของไทยต่อไป
๓. สาระสังเขปการศึกษา
สมุททานุภาพ (Sea Power) คือ ขีดความสามารถของรัฐที่จะสามารถดำเนินการนำเอาสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์จากทะเลมาใช้ให้เกิดเป็นพลังส่วนหนึ่งของกำลังอำนาจแห่งชาติ
ยุทธศาสตร์เป็นวิชาการเตรียมการสงคราม
และยุทธวิธีเป็นวิชาใช้กำลังเมื่อปะทะกับข้าศึก
สงครามยุคเรือกระเชียง
สงครามยุคเรือกระเชียงเป็นยุคเริ่มต้นของมนุษย์ที่รู้จักใช้เรือเป็นพาหนะเดินทางไปในทะเลและนำมาใช้ในการสู้รบ
เป็นยุคที่ยาวนานที่สุด อาวุธพิเศษที่ใช้ในยุคเรือกระเชียง ได้แก่ เรือเพลิง
ไฟกริ๊ก และเครื่องขว้าง (Catapult) การยุทธทางเรือที่สำคัญในยุคเรือกระเชียงมี
๒ ครั้ง คือการยุทธที่ซาลามิสและการยุทธที่เลพันโท
ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในยุคเรือกระเชียงได้แก่
การดำเนินการรุกเป็นวิธีป้องกันตัวที่ดีที่สุด การลำเลียงพลข้ามทะเล
หากยังไม่ได้ครองทะเล จะเป็นภัยร้ายแรง
ผู้ใดได้การครองทะเลในไม่ช้าจะได้การครองทางบกด้วย
การรบทางเรือในยุคเรือกระเชียงเป็นการรบแบบตะลุมบอน ระยะประชิด
เรือเป็นเพียงฐานสำหรับทหารเท่านั้น ไม่ใช่อาวุธอีกอย่างหนึ่งต่างหาก
สงครามในยุคเรือกระเชียงใช้การรุกเป็นหลัก การรบที่มาราธอน
ถือว่าเป็นการยกพลขึ้นบกครั้งแรกในโลก
สงครามยุคเรือใบ
การยุทธทางเรือที่สำคัญในยุคเรือใบมีอยู่ประมาณ
๑๗ ครั้ง การรบที่สำคัญได้แก่การยุทธที่อ่าว อาบูกีร์ และการยุทธที่ทราฟัลการ์
เป็นการยุทธระหว่างอังกฤษ ซึ่งมีเนลสันเป็นแม่ทัพ
กับฝรั่งเศส ซึ่งมี นโปเลียนเป็นแม่ทัพ
ยุทธศาสตร์ที่สำคัญในสงครามยุคเรือใบได้แก่ การครองทะเล
จะต้องทำลายกองเรือใหญ่ข้าศึกสงครามทางเรือเริ่มดำเนินการอิสระแยกไปจากสงครามทางบก
การประลองยุทธเป็นเครื่องประกอบในการพิจารณาทั้งด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธี
ยุทธวิธีในการรบในสงครามยุคเรือใบได้แก่ การจัดกระบวนต่างๆ ในการรบ
มีการแบ่งออกเป็น กองและแยกทำการรบโดยให้ได้ที่ตั้งเหนือลม กระบวนเรือที่ใช้เป็นกระบวนเรียงกัน
โดยใช้จำนวนใบน้อย ระยะห่างเรือประมาณ ๑๐๐ - ๒๐๐ เมตร
การใช้กระบวนนี้เพื่อให้เรือป้องกันจุดอ่อนแอที่สุดคือ หัวเรือซึ่งกันและกัน
ขณะเดียวกันให้สามารถใช้ปืนท้ายได้เต็มที่ การตีฝ่าแนว (เจาะแนว)
หรือตีโอบปีก เป็นยุทธวิธีที่ใช้กันมาก กระทั่งปลายศตวรรษที่ ๑๗
ก็เลิกใช้กัน
เพราะการรักษารูปกระบวนไว้ให้มั่นและป้องกันมิให้ถูกตีฝ่าได้เป็นการดีกว่า
เพราะเสียหายน้อยกว่า ส่วนการรุกจะเสียหายมากว่า
สงครามยุคเรือกลไฟ
เรือกลไฟลำแรก
ชื่อ Clermont สร้างโดย
โรเบิร์ท ฟูลทัน
ในยุคเรือกลไฟได้เกิดเรือดำน้ำในยุคนี้ อาวุธที่เกิดในยุคเรือกลไฟได้แก่
อาวุธตอร์ปิโด อาวุธปืนเปลี่ยนจากบรรจุทางปากกระบอกมาใช้การบรรจุทางท้ายแทน การยุทธทางเรือที่สำคัญในยุคเรือกลไฟมี
๒ ครั้ง คือ การยุทธที่ท่าแฮมพ์ตัน
ในสงครามกลางเมือง
สหรัฐฯ และการยุทธที่ซ่องแคบ
Tsushima การยุทธที่ท่าแฮมพ์ตันเป็นการรบระหว่างเรือกลไฟ Merima
ของฝ่ายใต้กับเรือ Monitor ของฝ่ายเหนือในท่าเรือแฮมพ์ตันใกล้นอร์ฟอล์ค การยุทธที่ช่องแคบ Tsushima เป็นการรบระหว่างกองเรือรัสเซียกับกองเรือญี่ปุ่น
เพื่อแย่งการครองทะเล การรบที่ Tsushima รัสเซียแพ้เพราะเรือรัสเซียมีความเร็วช้ากว่า
องค์บุคคลขาดความชำนาญในการยุทธและกองเรือรัสเซียต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลเกือบครึ่งโลก
โดยที่ยังไม่ได้พักผ่อนหรือซ่อมบำรุงองค์วัตถุเลย
บทเรียนทางยุทธศาสตร์ในสงครามเรือกลไฟ
การคมนาคมมีการเจริญมากขึ้นและประเทศต่าง
ๆ มีความเกี่ยวข้องกันมากขึ้น ทำให้ต้องเร่งสร้างและพัฒนากำลังทางเรือของตน
การมีเรือรบมากและแข็งแรงนั้นยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีการจัดระเบียบกองทัพเรือ
การอบรมกำลังพลให้มีความรู้ความชำนาญ เพื่อให้สามารถใช้อาวุธประจำเรือได้ผลเต็มที่
การประลองยุทธ
เป็นเครื่องประกอบในการพิจารณาทั้งด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธี
มีผู้ทรงคุณวุฒิเขียนตำราว่าด้วยสงครามทางเรือก่อให้เกิดแนวความคิดใหม่ ๆ
ในสงครามทางเรือ เช่น นายพล มาฮาน ของสหรัฐ ฯ , นายพล โคลอมบ์ ของอังกฤษ
นอกจากนี้มีนักยุทธศาสตร์ทางบกที่มีชื่อเสียง เช่น เคล้าเซวิทซ์
ชาวเยอรมัน โจมินี ชาวสวิส, และ โมลท์เค ชาวเยอรมัน การวางแผนทางเรือ
เกิดขึ้นในเยอรมันเป็นครั้งแรกในโลก
สงครามโลกครั้งที่ ๑
ยุทธนาวีที่สำคัญในสงครามโลกครั้งที่ ๑ คือ ยุทธนาวีที่จัทแลนด์ระหว่างอังกฤษกับเยอรมัน
เยอรมันเป็นชาติแรกที่ใช้เรือเหาะ (เซฟเฟลิน)
ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ซึ่งต่อมาจึงมีอากาศยานแทน
มีการใช้ปืนต่อสู้อากาศยานและการพรางต่างๆ การนำแก๊สพิษมาใช้โดยเยอรมัน
และการโฆษณา มาใช้เป็นครั้งแรก ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ การรบทางเรือ
เยอรมันต้องการดำเนินการในลักษณะ กองเรือคงชีพ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยทำการรังควานแย่งการครองทะเล และคอยตัดทอนกำลังอังกฤษอยู่ตลอดเวลา
มูลเหตุโดยสรุปจากสงครามโลกครั้งที่ ๑
- ความรู้สึกชาตินิยม
- การแข่งขันกำลังทหาร
- การแข่งขันทางการค้าและหาเมืองขึ้น
- การพิพาทในอดีตและความคิดที่จะแก้แค้น
- ความกลัว
สงครามโลกครั้งที่ ๒
การยุทธทางเรือที่สำคัญในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ด้านแอตแลนติก คือ
การล่าทำลายเรือบิสมาร์ค ระหว่างอังกฤษกับเยอรมัน
ด้านแปซิฟิก มีการยุทธที่สำคัญ ๒ ครั้ง คือ
การโจมตีที่เกาะมิดเวย์และการยุทธที่อ่าวเลเตย์ การจมของเรือบิสมาร์ค
ทำให้เยอรมันเลิกใช้เรือรบขนาดใหญ่ออกรังควานอีกต่อไป
การรบกวนการลำเลียงของอังกฤษคงปล่อยให้เป็นภาระของเรือดำน้ำและเรือค้าขายดัดแปลงต่อไป
สาเหตุการพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในการรบที่มิดเวย์
- การข่าวของสหรัฐ
ฯ ดีทำให้ทราบการเคลื่อนไหวของญี่ปุ่น
- ภาษาของญี่ปุ่นไม่เหมาะสมสำหรับเป็นภาษาในการติดต่อสื่อสาร
- การวางแผนของญี่ปุ่นค่อนข้างยุ่งยาก
- การรวมตัวของกองกำลังทางเรือที่แยกกันออกไปทำให้มาช่วยเหลือกันไม่ได้
ศึกมิดเวย์ เป็นการพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในสงครามแปซิฟิก
เป็นจุดกลับของสงคราม (Turning point) กล่าวคือสามารถลดความยิ่งใหญ่ในการเป็นฝ่ายรุกของญี่ปุ่นลงได้
ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้สหรัฐที่เป็นฝ่ายรับมาตลอดเป็นผู้ริเริ่มทำการรุกบ้าง
การยุทธที่อ่าวเลเตย์
เป็นการรบที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ทางเรือ กินเวลาถึง ๔ วัน
การรบเกิดขึ้นหลายแห่ง และมีคำกล่าวของ นายพล แมคอาเธอร์ว่า
I shall return
มูลเหตุของการยุทธที่อ่าวเลเตย์
เนื่องจากกำลังของสหรัฐได้ทำการยกพลขึ้นบกที่เลเตย์เพื่อจะเข้ายึดฟิลิปปินส์ต่อไป
ขณะเดียวกันฟิลิปปินส์ก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อญี่ปุ่น
การยกพลขึ้นบกของสหรัฐใน แปซิฟิกเป็นการยกพลขึ้นบกลักษณะแบบเกาะต่อเกาะ (Hopping Operation)
สรุปการรบทางเรือที่สำคัญในการยุทธที่อ่าวเลเตย์
- ฝ่ายญี่ปุ่นไม่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้
- เป็นการรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
โดยใช้เรือบรรทุก บ.ต่อสู้กัน
- ฝ่ายญี่ปุ่นสูญเสียเรือเป็นจำนวนมาก
- เกิดยุทธวิธี
กามิกาเซ เป็นการใช้ บ.วิ่งเข้าชนเรือ
ในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้เกิดมีกำลังทางอากาศขึ้น
สามารถโจมตีทำลายแหล่งอุตสาหกรรม
บทเรียนจากสงครามทางเรือในสงครามโลกครั้งที่ ๒
- แนวความคิดในการใช้เรือหลัก
๓ ชนิดในอดีต ได้แก่ เรือประจัญบาน เรือลาดตระเวน และเรือพิฆาตได้เปลี่ยนมาใช้
เรือบรรทุก บ.ในการควบคุมทะเลแทน
- มีการประกอบกำลังในลักษณะ
กองเรือเฉพาะกิจ (Task Force)
- มีกองบัญชาร่วม
(Unified Command) ในการยกพลขึ้นบก
- มีการปฏิบัติการร่วม
(Air Ground Operation) และการยุทธส่งกำลังทางอากาศ
(Air Borne Operation)
การรบที่อิโวจิมา เกิดการใช้นาปาล์มและปืนพ่นไฟขึ้น
เนื่องจากระเบิดไม่สามารถทำลายได้ เพราะพื้นที่ปฏิบัติการพื้นดินเป็นดินภูเขาไฟ
เนื้อดินเป็นโพรงซึ่งใช้ระเบิดไม่ได้ผล
สงครามเกาหลี
การยุทธที่สำคัญในสงครามเกาหลี คือการยกพลขึ้นบกที่อินชอน
หรือที่เรียกว่า The IMPOSSIBLE Landing โดยการนำทัพของ
พล.อ. ดักกลาส แม็คอาเธอร์ ของสหรัฐ
บทสรุปในการสงครามเกาหลี
- การยกพลขึ้นบก
ยังสามารถและมีความจำเป็นที่จะนำมาใช้ได้
- สงครามเป็นการขยายนโยบายของรัฐ
ชาติควรมีนโยบายที่ชัดเจน
- ตำบลที่เลวทางยุทธวิธี
และดีทางยุทธศาสตร์
- ในการทำสงคราม ๕ ครั้ง หากเส้นทางส่งกำลังบำรุงถูกตัดขาดจะแพ้สงครามอย่างน้อย
๔ ครั้ง
- ยุทธวิธีการรบร่วม
Air - Ground Operation สามารถใช้ได้ผลดีในการปฏิบัติ
สงครามเวียดนาม
สหรัฐได้เริ่มส่งทหารเข้ารบในสงครามเวียดนามอย่างแท้จริง
หลังเหตุการณ์เรือตอร์ปิโด เวียดนามเหนือ ๒ ลำ ได้เข้าลอบโจมตีเรือพิฆาต แมคด๊อกซ์ ของสหรัฐที่กำลังลาดตระเวนอยู่ในอ่าวตังเกี๋ย
Market
Time Operation เป็นการปฏิบัติการทางเรือของกองเรือเฉพาะกิจ ๑๑๕
ของสหรัฐในสงครามเวียดนามเป็นการลาดตระเวนชายฝั่งทั้งทางเรือและทางอากาศ
เพื่อป้องกันการแทรกซึมทางทะเล
Game
Warden เป็นการปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐในการจัดตั้งกองเรือลำน้ำ
(TF ๑๑๗) ในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
เป็นการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกำลังทางบก เรือ และอากาศ
บทเรียนจากสงครามเวียดนาม
- การขัดขวางข้าศึกโดยใช้กำลังทางอากาศของสหรัฐ
มีอุปสรรคจากการกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ของหน่วยเหนือมาก
- การโจมตีทางอากาศจะไม่ได้รับความสำเร็จ
หากไม่กระทำอย่างสม่ำเสมอ
- ข้อขัดแย้งจะสำเร็จลงไม่ได้
ถ้าฝ่ายที่ก่อความขัดแย้งยังสำนึกว่ามันยังไม่เสร็จ
- เสถียรภาพของรัฐบาล
จะเป็นเครื่องชี้ชัยชนะของสงคราม
- นโยบายทางการเมืองที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
ทำให้การทำการรบไม่ชนะสงครามเด็ดขาด
- นักการเมืองทำสงครามด้วยปาก
- ภารกิจหลักของเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี
คือการสนับสนุนภารกิจสำคัญของกำลังทางเรือให้ได้มาซึ่งการครองทะเล
การสนับสนุนการรบบนบกเป็นเพียงภารกิจรอง และเป็นกิจที่ควบคู่กันไป
สงครามอาหรับ - อิสราเอล
สงครามที่เร็วที่สุดในโลกคือสงครามหกวันระหว่างอาหรับกับอิสราเอล
ยุทธวิธีการรบของอิสราเอลในสงครามอาหรับ - อิสราเอล
จะเริ่มต้นด้วยการทิ้งระเบิดอย่างหนักทางอากาศก่อนแล้วติดตามด้วยการรุกโดยรถถัง
บทเรียนจากสงครามอาหรับ - อิสราเอล
- การจู่โจมเข้าทำสงครามก่อนเป็นสิ่งที่ดี
- การรบสมัยใหม่
มีการสูญเสียมาก
- การใช้สงครามอิเล็กทรอนิกส์
มีความสำคัญต่อสงครามในอนาคต
สงครามฟอล์คแลนด์
สงครามฟอล์คแลนด์ เป็นการรบระหว่างอังกฤษและอาร์เจนตินา
โดยอาร์เจนตินาได้ยกพลขึ้นบกเข้ายึด Port Stanley
บทสรุปของสงครามฟอล์คแลนด์
- ความพร้อมรบเป็นสิ่งสำคัญ
- หน่วยรบพิเศษมีความสำคัญในการรบ
เช่น หน่วย SAS, SBS ของอังกฤษ
- เรือบรรทุก
ฮ.มีความสำคัญ
- การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
มีผลกระทบต่อสถานการณ์
- ระบบดาวเทียมสื่อสาร
เป็นกิจการใหม่ทางด้านทหาร
- การป้องกันภัยทางอากาศ
เป็นสิ่งสำคัญสำหรับกองเรือ
- การส่งกำลังบำรุง
มีความสำคัญ
สงครามอ่าวเปอร์เซีย
ในสงครามอ่าวเปอร์เซีย ระบบอาวุธเทคโนโลยีสูง
ที่ใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์อย่างซับซ้อนยุ่งยาก
สามารถใช้การได้อย่างราบรื่นแม่นยำถูกต้อง
แต่ก็ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงยิ่งและต้องใช้ขีดความสามารถในการซ่อมทำดูแลรักษาอย่างมากมาย
บทเรียนทางการทหารก็คือ เราไม่อาจพึ่งพา Complex Linkages อย่างนี้ได้ตลอดไป
บทเรียนสำคัญของระบบอาวุธเทคโนโลยีสูง คือช่วยลดความสูญเสียกำลังพลให้น้อยลงได้มาก
๔. วิธีดำเนินการศึกษา
๔.๑ บรรยายในห้องเรียน
๓ ชั่วโมง แบ่งกลุ่มสัมมนา ๓ ชั่วโมง แถลงผล ๓ ชั่วโมง
๕. ประเด็นคำถามสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาที่ศึกษา
๖. เอกสารประกอบการศึกษา
๖.๑ บทเรียนยุทธศาสตร์ทางเรือจากประวัติสงคราม
โดย พล.ร.ท.สำเภา พลธร
๗. เอกสารอ่านประกอบเพิ่มเติม
๗.๑ สงครามโลกครั้งที่ ๑ - ๒ และสงครามเกาหลี โดย น.อ.ปรีชา
ศรีวาลัย
(ห้องสมุด
ยศ.ทร.)
๗.๒ ยุทธศาสตร์ทางเรือในสงครามโลกครั้งที่ ๒
ของ พล.ร.อ.ประพัฒน์ จันทรวิรัช (ห้องสมุด ยศ.ทร.)
๗.๓ ประวัติการยุทธทางเรือเล่ม ๑, ๒, ๓ และ ๔ ของ น.ท.สินธุ
สงครามชัย (สินธุ กมลนาวิน)