สาระประมวล
ความมุ่งหมาย เพื่อศึกษาและให้เข้าใจถึงความรู้เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศโดยทั่วไป
ทั้งในยามสันติและยามสงคราม ตลอดจนหลักการใช้กำลังทางทหารตามกฎบัตรสหประชาชาติ
ขอบเขตการศึกษา บรรยายถึง
๑. ความรู้ทั่วไปของกฎหมายระหว่างประเทศ
๑.๑ ความมุ่งหมายและที่มาของกฎหมายระหว่างประเทศ
๑.๒ ความสัมพันธ์ของกฎหมายระหว่างประเทศกับกฎหมายภายใน
๑.๓ อำนาจการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ
๒. ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับหลักการป้องกันตนเอง
๓. ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการใช้กำลังทหาร
สาระคู่มือ
๑. ความสำคัญ
กฎหมายระหว่างประเทศมีความสำคัญต่อการจัดระเบียบสังคมระหว่างประเทศ
เพื่อการรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศจึงเข้ามามีบทบาทในด้านการทหาร
เพื่อป้องกันและวิธีควบคุมไม่ให้มีการละเมิดหรือกระทำการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตลอดจนการใช้กำลังที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมในสังคมระหว่างชาติ
๒. ความมุ่งหมาย
ในการปฏิบัติการทางทหารไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติการเพื่อควบคุมสถานการณ์ต่างๆ
ให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อยในยามสงบ หรือการบังคับในยามสงคราม
เพื่อให้มีการปฏิบัติที่ถูกต้อง หรือเพื่อความยุติธรรมใดๆ ก็ตาม
ผู้ปฏิบัติจำเป็นจะต้องทราบถึงหลักเกณฑ์ทางกฎหมายโดยเฉพาะหลักเกณฑ์กฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับและปฏิบัติกันทั่วไปในสังคมโลก
เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง เกิดข้อขัดแย้ง หรือเกิดการละเมิดต่อกฎหมายต่างๆ
อันจะเป็นเหตุให้เกิดการกระทบกระทั่งต่อความสัมพันธ์อันดีที่มีระหว่างกัน
หรือรุนแรงจนถึงขั้นการทำลายสันติภาพของสังคมโลกในที่สุด ในการปฏิบัติการทางทหาร
จำเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงระเบียบปฏิบัติในการสู้รบ
เพื่อที่จะได้ทราบว่าสิ่งใดที่ปฏิบัติได้และสิ่งใดที่เป็นข้อห้ามตามหลักกฎหมาย
เพื่อให้การสู้รบเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เมื่อผลของการสู้รบสิ้นสุดลง
๓. สาระสังเขปการศึกษา
การศึกษาในเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศทั่วไป
นายทหารนักเรียนจะได้ทำความเข้าใจในพื้นฐานเสียก่อนว่า กฎหมาย
จะประกอบไปด้วยกฎหมายภายในกับกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายภายในจะมีทั้งกฎหมายมหาชน
เช่น กฎหมายอาญา และกฎหมายเอกชน เช่น กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งจะต้องมีสภาพบังคับ
(SANCTION) โดยมีองค์การภายในประเทศบังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย (LAW ENFORCEMENT)
ในส่วนของกฎหมายอาญาจะให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย อัยการ ศาล
และราชทัณฑ์ ส่วนกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน
โดยมีศาลแพ่ง เป็นองค์กรตัดสินให้ความยุติธรรมเมื่อเกิดการขัดแย้งกัน
สำหรับกฎหมายระหว่างประเทศมีรากฐานมาจากความยินยอมร่วมกันของรัฐ
ในการนำเอากฎเกณฑ์มาปฏิบัติใช้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างกัน
โดยมีที่มาจากจารีตประเพณีที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร และที่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น
สนธิสัญญา อนุสัญญา กติกา พิธีการ ฯลฯ หรือมีชื่ออื่นๆ อีกมากมาย
ทั้งในระดับพหุภาคีหรือทวิภาคีก็ตาม
นอกจากนั้นกฎหมายระหว่างประเทศยังมีที่มาจากหลักกฎหมายทั่วไป คำพิพากษาของศาล
และความเห็นของนักนิติศาสตร์อีกด้วย
ความแตกต่างของกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สภาพการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศยังมีสภาพบังคับ
หรือองค์กรบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายไม่เข้มแข็งเท่ากับกฎหมายภายใน
กฎหมายระหว่างประเทศ
สามารถแบ่งออกได้เป็น กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง (Public International Law) แผนกคดีบุคคล (Private International Law) แผนกคดีอาญา (Criminal International Law) แต่ในการศึกษาในหลักการนั้น
จะมุ่งเน้นในการศึกษาเฉพาะแผนกคดีเมืองเป็นส่วนใหญ่
เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการกระทำและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ
ซึ่งแบ่งได้เป็นภาคสันติและภาคสงคราม ในหัวข้อวิชานี้จะศึกษาเฉพาะภาคสันติเท่านั้น
สำหรับภาคสงครามได้แยกไปศึกษาในหัวข้อวิชากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารอีกส่วนหนึ่ง
นอกจากนี้ยังต้องศึกษาถึงปัญหาในการใช้กำลังทหารในการป้องกันตนเองและการใช้กำลังทหารภายใต้กรอบกฎบัตรสหประชาชาติ
เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ได้
๔. วิธีดำเนินการศึกษา
๔.๑ บรรยายในห้องเรียน ๓ ชั่วโมง
๕. ประเด็นคำถามสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาที่ศึกษา
๕.๑ ข้อแตกต่างในการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศกับกฎหมายภายใน
เป็นอย่างไร
๕.๒ การใช้กำลังทหารสามารถใช้ได้ในกรณีใดบ้าง
๕.๓
หลักการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ มีหลักเกณฑ์อย่างไร
๕.๔ แนวความคิดในเรื่องการป้องกันตนเอง
ในปัจจุบันเป็นอย่างไร ถูกต้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่
๖. เอกสารประกอบการศึกษา
๖.๑ เอกสารของผู้บรรยาย
หรือตามที่ผู้บรรยายกำหนด
๖.๒ กฎหมายระหว่างประเทศ เล่ม ๑ และ ๒,
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
๗. เอกสารอ่านประกอบเพิ่มเติม
๗.๑ จุมพล สายสุนทร,
กฎหมายระหว่างประเทศ (Public International
Law) คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
๗.๒ เอกสารอ้างอิงกองทัพเรือ, กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสงคราม,
๒๕๔๓