สาระประมวล
ความมุ่งหมาย เพื่อให้นายทหารนักเรียนเข้าใจและทราบความเป็นมา
การพัฒนาหลักการสงคราม ตามแนวความคิดของนักยุทธศาสตร์สำคัญของโลก จนกระทั่งถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
การนำหลักการนั้นมาประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
ขอบเขตการศึกษา บรรยาย
๑. หลักการและวิวัฒนาการของการสงคราม
๒. ทฤษฎีการสงคราม ทั้งทางบก ทางเรือ
และทางอากาศ
๓. ความสัมพันธ์ระหว่างยุทธศาสตร์
การปฏิบัติการ ยุทธวิธี และการส่งกำลังบำรุง
๔. การวางแผนและความสัมพันธ์ระหว่างยุทธศาสตร์และนโยบาย
สาระคู่มือ
๑. ความสำคัญ
ยุทธศาสตร์ (Strategy) เป็นเรื่องที่มหาชนทั่วไปสนใจ
โดยเฉพาะในประเทศที่เจริญแล้วจะมีการศึกษากันอย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะแต่ในกลุ่มข้าราชการของรัฐบาลเท่านั้น
แม้ในภาคเอกชน ภาคธุรกิจหรือนักศึกษาทั่วไป
ก็ยังจัดเรื่องทฤษฎีและหลักการทางยุทธศาสตร์เข้าไปเป็นหัวข้อสำคัญพื้นฐานของการศึกษา
เพื่อที่จะได้นำผลจากการศึกษายุทธศาสตร์ มาช่วยนำความเป็นอัจฉริยะของตน
ให้คิดค้นไปสู่การวางแผน และกำหนดนโยบายขององค์กรต่าง ๆ
ของตนได้อย่างถูกต้องและรัดกุม อาจกล่าวได้ว่า ทฤษฎียุทธศาสตร์ ทั่วไป
เป็นทฤษฎีของพลังอำนาจของทุกสาขา ไม่ใช่ทฤษฎีเฉพาะของพลังอำนาจทางทหารเท่านั้น
เนื่องจากทฤษฎีทางยุทธศาสตร์ จะมีความสัมพันธ์ เกี่ยวเนื่องกันทั้ง การเมือง เศรษฐกิจ
สังคมจิตวิทยา การทหาร รวมทั้ง ความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีด้วย
นักยุทธศาสตร์และนักการทหาร
จำเป็นจะต้องอาศัยหลักการสงครามที่ได้มีการรวบรวมเอาไว้มาเป็นข้อคิด ยึดถือ
หรืออ้างอิง หรือมิฉะนั้นก็นำไปใช้อยู่เสมอโดยไม่รู้ตัว หลักยุทธศาสตร์กับหลักการสงครามมักจะมีความใกล้ชิดกันจนบางครั้งแยกกันไม่ออก
เพราะทั้งการเตรียมทำสงครามและการทำสงครามจะต้องนำเอาหลักยุทธศาสตร์มาใช้
หรือในทางกลับกัน หลักยุทธศาสตร์ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อชัยชนะ
หรือความได้เปรียบโดยอาศัยหลักการสงคราม หลักการสงครามเป็นเครื่องมืออย่างดีในการวิเคราะห์การดำเนินยุทธศาสตร์ว่าถูกต้องเหมาะสมเพียงไร
และด้วยเหตุนี้ หลักบางประการจึงเป็นไปได้ทั้งหลักยุทธศาสตร์และหลักการสงคราม
ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างหลักยุทธศาสตร์และหลักการสงครามก็คือ
หลักยุทธศาสตร์ใช้ได้ทั้งในยามปกติและยามสงคราม อาจเป็นก่อน
ระหว่างและหลังสงครามก็ได้ แต่หลักการสงครามนั้นส่วนใหญ่ใช้ในการทำสงคราม
หรือระหว่างสงครามเพื่อหวังผลในชัยชนะ
หรือจะมีบางส่วนที่ใช้ก่อนหรือใกล้เกิดสงคราม
ก็เพื่อความได้เปรียบในการทำสงครามนั้นๆ
ในการศึกษาทฤษฎียุทธศาสตร์ทางทหาร
เพื่อให้ทราบความเป็นไปและวิวัฒนาการที่สำคัญนั้น ควรจะแยกกล่าวถึง
ทฤษฎียุทธศาสตร์ทางบก ซึ่งมี เคล้าเซวิตซ์ (เคล้าเซวิตซ์) เป็นผู้วางหลักการไว้เป็นคนแรก
กับทฤษฎียุทธศาสตร์ทางเรือ ซึ่ง มาฮาน (Alfred
Thayer Mahan) นักยุทธศาสตร์ทางเรือผู้โด่งดังกำหนดไว้
และทฤษฎียุทธศาสตร์ทางอากาศ ซึ่งนายพล ดูเอต์ (Douhet) ได้วางไว้
นอกจากนั้นยังมีทฤษฎียุทธศาสตร์สงครามปฏิวัติซึ่ง เหมาเซตุง (Mao - Tse - Tung) ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจอีกด้วย
๒. ความมุ่งหมาย
เพื่อศึกษาถึงหลักการทำสงคราม
ของนักการทหาร นักยุทธศาสตร์ หรือของชาติต่าง ๆ ที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
อันจะนำไปสู่แนวคิด ในการเตรียมกำลัง ใช้กำลัง และสามารถทำสงครามเพื่อชัยชนะได้
และมุ่งหมายให้นายทหารนักเรียน มีความรู้ความเข้าใจ
ในแนวความคิดทฤษฎีของนักยุทธศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงในอดีต ทั้งทางบก ทางเรือ
และทางอากาศ ตั้งแต่ยุคโบราณถึงยุคปัจจุบัน รวมทั้งวิวัฒนาการของแนวความคิดนั้น ๆ
เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดยุทธศาสตร์ทหารของไทยต่อไปได้
๓. สาระสังเขปการศึกษา
ผู้มีชื่อเสียงและนักยุทธศาสตร์ได้มีการกำหนดหลักยุทธศาสตร์
และหลักการสงครามไว้แตกต่างกันมากมาย เช่น เคล้าเซวิตซ์
กำหนดหลักเบื้องต้นไว้ ๓ ประการ ได้แก่ การรวมความเพียรพยายาม การปฏิบัติการด้วยกำลังมากต่อกำลังส่วนใหญ่ของข้าศึก
และผลเด็ดขาดในการยุทธ์อยู่ที่ยุทธบริเวณใหญ่
การปฏิบัติการทางยุทธวิธีให้ทำการตั้งรับด้วยการรุก ถ้าสามารถทำได้ ฝ่าย เหมาเซตุง
วางหลักไว้ ๖ ประการ ได้แก่ จงถอยเมื่อข้าศึกทำการรุก จงรุกเมื่อข้าศึกถอย
ในระดับยุทธศาสตร์ใช้กำลัง ๑ ต่อ ๕ ของข้าศึก ในระดับยุทธวิธีต้องใช้กำลัง ๕ ต่อ ๑
ของข้าศึกตัดการส่งกำลังบำรุงของข้าศึก
และกองทัพบกกับประชาชนพลเรือนสามัคคีกันแนบแน่น สำหรับเลนิน
ถนัดในการพัฒนาทฤษฎีที่มีอยู่แล้ว และนำไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม
รู้จักใช้กำลังคนมหาศาล
ที่ร้อนระอุไปด้วยความกระตือรือร้นจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสให้เป็นประโยชน์
เคล้าเซวิตส์ มองยุทธศาสตร์คนละแง่กับ โจมินี โจมินีแสวงหาการใช้ระบบของทฤษฎีให้ได้ชัยชนะในการยุทธ์
เช่น กล่าวว่า จงใช้กำลังกองทัพทุ่มเข้าโจมตีข้าศึก ณ จุดที่มีผลเด็ดขาดในยุทธบริเวณ และการคมนาคมของข้าศึก แต่ เคล้าเซวิตส์ กลับคิดถึงลักษณะพื้นฐานของสงคราม เช่น
อธิบายว่าการตั้งรับเป็นรูปแบบที่แข็งแรงกว่าของการสู้รบด้วยจุดมุ่งหมายที่ไม่หนักแน่น
ส่วนการเข้าตีเป็นรูปแบบที่อ่อนแอกว่า แต่ด้วยจุดมุ่งหมายที่แน่นอน ข้อเขียนของ
เคล้าเซวิตส์ มีผู้นำมาใช้อ้างอิง
และเป็นแบบอย่างของการทำสงครามมาจนแม้กระทั่งในปัจจุบัน และในสงครามหลายครั้ง
สามารถนำเอาหลักการสงครามของท่านเหล่านี้ไปอธิบายได้
นอกจากผู้มีชื่อเสียง ตามที่กล่าวมาแล้ว ประเทศต่างๆ ทั้งที่เป็นมหาอำนาจ
และประเทศเล็กต่างก็มีการนำเอาทฤษฎีเหล่านี้ไปกำหนดเป็นทฤษฎี และหลักการ
โดยประยุกต์เข้ากับสิ่งแวดล้อม และภูมิยุทธศาสตร์ของตนเอง
ในเรื่องของหลักการสงครามมีความหลากหลายแตกต่างกันตามความคิดของนักยุทธศาสตร์แต่ละท่าน
แต่หลักใหญ่ๆ พอสรุปได้เป็น ๑๒ ประการ คือ
๑. ความมุ่งหมาย ๕. การออมกำลัง ๙. การระวังป้องกัน
๒. การริเริ่ม ๖. การดำเนินกลยุทธ์ ๑๐. ความง่าย
๓. ความอ่อนตัว ๗. การจู่โจม ๑๑. เอกภาพ
๔. การรวมกำลัง ๘. การขยายผล ๑๒. ขวัญ
๔. วิธีดำเนินการศึกษา
๔.๑ การบรรยายในห้องเรียน
๖ ชั่วโมง
๕. ประเด็นคำถามสำคัญเกี่ยวกับเนื้อหาที่ศึกษา
๕.๑ นักยุทธศาสตร์ที่ประสบผลสำเร็จ
จะไม่ฝ่าฝืนหลักการสงคราม
เพราะจะพิจารณาเห็นว่าจะเป็นการเสี่ยงและอาจจะต้องสูญเสียอย่างมาก
ผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์การสงครามหรือการสู้รบในอดีต
โดยนำเอาหลักการสงครามเหล่านี้ไปวิเคราะห์ วิจัยว่าถูกต้องเหมาะสมเพียงไร
จะประจักษ์ว่าหลักการสงครามเป็นสิ่งที่
จำเป็นและมีความหมายแก่การวางแผนและดำเนินการยุทธ์อย่างมาก
ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า
ผู้ชนะสงครามจะต้องสนใจและไม่ละเลยต่อหลักการเหล่านี้
คำถามที่
๑ ให้ นทน. ดำเนินการอภิปรายเพื่อศึกษาและวิเคราะห์ถึงหลักการสงครามต่อไปนี้
โดยการนำเอาทฤษฎี หลักการ
และยกตัวอย่างแสดงเพื่อพิสูจน์ถึงความสำคัญของหลักการดังกล่าว
๑. ความมุ่งหมาย ๕. การออมกำลัง ๙. การระวังป้องกัน
๒. การริเริ่ม ๖. การดำเนินกลยุทธ์ ๑๐. ความง่าย
๓. ความอ่อนตัว ๗. การจู่โจม ๑๑. เอกภาพ
๔. การรวมกำลัง ๘. การขยายผล ๑๒. ขวัญ
๕.๒ นักทฤษฎียุทธศาสตร์บก
ที่มีหลักฐานและมีอิทธิพลมากได้แก่
เคล้าเซวิตซ์ ซึ่งได้เขียนหนังสือ
On War อันมีชื่อเสียงไว้อย่างยืดยาว ข้อเขียนของเคล้าเซวิตซ์ ได้มีอิทธิพลอยู่ในบรรดานักการทหารของ ปรัสเซียเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มอลเค่
(Moltke) และมีอิทธิพลทำให้ ปรัสเซียได้ชัยชนะในสงคราม ปี ค.ศ.1866
และ ค.ศ.1870 ทฤษฎียุทธศาสตร์ของ
เคล้าเซวิตซ์ มีคุณค่ามากแก่การศึกษา
เพื่อจะได้รู้การเริ่มต้นของวิวัฒนาการของยุทธศาสตร์บก ซึ่งมุ่งไปที่ การใช้กำลัง
เข้าทำการรบอย่างรุ่นแรง และมุ่งต่อชัยชนะเท่านั้นดังนั้น ในสงครามโลกครั้งที่ ๑
จึงเห็นได้ว่าไม่ได้มีการใช้ The Art of War กันเท่าใดเลยคงมุ่งแต่
การใช้กำลังทหารเข้าประทะกันเป็นหลัก
นอกจาก เคล้าเซวิตซ์ แล้ว ยังมีนักยุทธศาสตร์อีกหลายท่าน
เช่น โจมินี (Jomini)
ลูเดนดอร์ฟ (Ludendorff) มีทั้งการสนับสนุน
และขัดแย้งกับทฤษฎีของ เคล้าเซวิตซ์
อันเนื่องจากวิวัฒนาการของการรบ ทั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่ และแนวความคิดต่าง ๆ
ซึ่งล้วนน่าศึกษาและวิเคราะห์ทั้งสิ้น
คำถามที่
๒ เคล้าเซวิตซ์ เป็นผู้ที่ยึดถือนโยบายเป็นสำคัญ เพราะเขากล่าวว่า
จุดมุ่งหมายทางการเมืองเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด
การสงครามเป็นมาตรการที่จะดำเนินไปสู่จุดมุ่งนั้น
และมาตรการที่ว่านี้จะต้องไม่คำนึงถึงว่า จะใช้มากน้อย หรือค่าใช้จ่ายสูงเท่าใด
" ซึ่ง ลูเดนดอร์ฟ ได้โต้แย้งและโจมตีทฤษฎีของเขาเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง
และไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ท่านมีความเห็นต่อแนวความคิดของ เคล้าเซวิตซ์ ในกรณีนี้เกี่ยวกับการใช้กำลังและความรุ่นแรงนี้อย่างไร
๕.๓ มาฮาน
นักยุทธศาสตร์ทางเรือที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้เขียน ทฤษฎียุทธศาสตร์ทางเรือในแง่สมุททานุภาพ ให้เราได้ศึกษากันจนกระทั้งปัจจุบัน มาฮาน ให้หลักสำคัญว่า มหาอำนาจทางทะเล
จะเหนือกว่ามหาอำนาจทางบก ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitic)
ทฤษฎียุทธศาสตร์ทางเรือของ มาฮาน ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริงและถูกต้อง
โดยสงครามโลกทั้งสองครั้ง แต่กระนั้นก็ตาม ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทฤษฎี ของ มาฮาน ก็ถูกวิจารณ์กันอย่างมากเช่นกัน มาฮาน
ได้เขียน The Influence of Position Sea Power Upon History (1660 - 1783) ซึ่งมีชื่อเสียงมาก เขาได้กำหนดปัจจัยต่าง ๆ ของสมุททานุภาพขึ้นไว้
เน้นว่าการคมนาคมทางทะเลเป็นสิ่งจำเป็น
ต้องได้รับการปกป้องให้สามารถใช้ได้อยู่เสมอแม้ในยามสงคราม
และต้องขัดขวางมิให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ เพราะการค้าขายทางทะเล จะทำให้ประเทศมั่นคง
และขยายอำนาจได้ เขาเชื่อว่าในการสงคราม จำเป็นต้องหาและดำรงการครองทางทะเลเอาไว้ให้ได้
ทั้งเพื่อการทหารและเศรษฐกิจ ทฤษฎีของ มาฮาน
ได้รับการศึกษาและใช้เป็นแนวทางกันอย่างกว้างขวาง แต่จากความเจริญของวิวัฒนาการ
ตามกาลเวลาที่ผ่านมา ทำให้ความเชื่อของ มาฮาน
หลายประการต้องพ้นสมัยไปด้วย ซึ่งนายทหารนักเรียนต้องศึกษาและวิเคราะห์ต่อไป
คำถามที่
๓ (ก) ทฤษฎียุทธศาสตร์ของ มาฮาน ที่ว่าการหาฐานทัพ ฐานส่งกำลังบำรุง ต้องมีไว้ทั่วโลก
ต่อเนื่อง เชื่อมโยง และโดยเฉพาะ ณ จุดสำคัญ Focus points ต่าง
ๆ และให้รู้จักใช้ Utilization of position by mobile force แต่จากการพัฒนาการของเทคโนโลยีในปัจจุบัน
ความสำคัญในการจัดเตรียมฐานทัพ ฐานส่งกำลังบำรุงภายนอกประเทศอาจลดลง
ท่านมีความเห็นต่อความคิดนี้อย่างไร
(ข) ทฤษฎียุทธศาสตร์ทางเรือของ
มาฮาน ได้รับการยอมรับ
และยึดถือเป็นแนวทางมาจนกระทั่งปัจจุบัน แต่ข้อเขียนของเขา ก็ล่วงเลยมาเป็นเวลานาน
จนโลกก้าวสู่ยุคนิวเคลียร์และยุคโลกาภิวัฒน์
ท่านมีความเห็นต่อทฤษฎีของ มาฮาน
ว่ายังมีความถูกต้องเหมาะสมอยู่หรือไม่เพียงใด
๕.๔ ทฤษฎียุทธศาสตร์ทางอากาศ
เกิดขึ้นหลังจากได้เริ่มมีการนำเครื่องบินมาใช้ในการปฏิบัติการทางทหารในประมาณตอนปลายสงครามโลกครั้งที่
๑ เป็นต้นมา นักยุทธศาสตร์ทางอากาศที่โด่งดังมากได้แก่ ดูเอต์ ทฤษฎีของเขาค่อนข้างจะโลดโผนรุนแรง
แต่หย่อนในหลักการอยู่หลายข้อ อย่างไรก็ตาม
เนื่องจากความรวดเร็วของวิวัฒนาการของอากาศยาน ทำให้ทฤษฎียุทธศาสตร์ทางอากาศ
ไม่สามารถดำรงความเชื่อถืออยู่ได้นานเหมือนทฤษฎียุทธศาสตร์ทางบก และทางเรือ
แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องศึกษา และติดตามอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน
คำถามที่
๔ ดูเอต์ สนับสนุนให้กำลังทางอากาศเป็นกองทัพอิสระ
ถึงแม้จะยอมรับว่ากองทัพเรือ และกองทัพบกมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทางอากาศก็ตาม และยังกล่าวว่ากำลังช่วยรบทางอากาศที่รวมอยู่กับกองทัพบก
กองทัพเรือเหล่านี้ เป็นการสูญเปล่าเพราะไม่สามารถทำงานได้
ถ้ากองทัพอากาศไม่ได้การครองอากาศเสียก่อน วิธีที่ดีที่สุด คือ
เมื่อได้การครองอากาศแล้ว จึงทำการโจมตีทิ้งระเบิดทำลายเมืองของศัตรู ก่อนการยุทธด้านอื่น ๆ ท่านเห็นว่าความคิดนี้มีความถูกต้อง
เหมาะสมเพียงใด หรือมีข้อโต้แย้งอย่างไร
การยุทธทำให้ได้ชัยชนะในการรบ
การส่งกำลังบำรุงทำให้ชนะสงคราม
ในความสัมพันธ์กับยุทธศาสตร์
การส่งกำลังบำรุงมีสภาพเป็นอำนาจที่เคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งถ้าขาดสิ่งนี้ไปแล้วแนวความคิดทางยุทธศาสตร์ก็จะกลายเป็นสิ่งว่างเปล่า
C.Theo Vogelgfsang
USA
๖. เอกสารประกอบการศึกษา
๖.๑ อทร. ๘๐๐๔
หลักการและทฤษฎีการทำสงคราม
๗. เอกสารอ่านประกอบเพิ่มเติม
๗.๑ ตำราพิชัยสงคราม ซุนวู
(ห้องสมุด ยศ.ทร.)
๗.๒ ทฤษฎียุทธศาสตร์ทางเรือ
ของ พล.ร.อ.ศิริ กระจ่างเนตร
๗.๓ ยุทธศาสตร์โลก : วิวัฒนาการ
และอนาคต ของ พล.ท.อภิชาติ ธีรธำรง (ห้องสมุด ยศ.ทร.)
๗.๔ ทฤษฎียุทธศาสตร์
และยุทธศาสตร์ยุคนิวเคลียร์ โดย พล.ร.อ.วินิจ ศรีพจนารถ (ห้องสมุด ยศ.ทร.)