เรื่อง ไม้ผลัดใบ
ถ้าสังเกตดูความสัมพันธ์ระหว่าง ดิน ฟ้า อากาศ กับต้นไม้ เราจะพบว่า เมื่ออากาศเริ่มแห้งแล้ง ต้นไม้แทบทุกชนิดจะหยุดการเจริญเติบโต ไม้ยืนต้นจะเริ่มผลัดใบ เริ่มจากสลัดใบแก่ที่จำเป็นน้อยที่สุด
ทิ้งไปก่อน จากนั้นก็จะทิ้งใบไปเรื่อย ๆ จนหมด ถ้าความแห้งแล้งรุนแรงขึ้น ต้นไม้ก็จะยอมสละกิ่งแขนงเล็ก ๆ ให้ตายแห้งไปอีก แต่กิ่งใหญ่ และลำต้นจะยังคงเป็นอยู่ได้จนกว่าจะถึงฤดูฝนต่อไป นี่คือกระบวนการปรับตัวตามธรรมชาติเพื่อความอยู่รอดของต้นไม้
มนุษย์เราก็มีการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ แต่คุณค่าของมนุษย์มิใช่อยู่ที่การมีชีวิตรอดเพียงอย่างเดียว ยังขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ชีวิตที่รอดอยู่นั้นไปทำอะไรต่อไปอีก การอยู่รอดของมนุษย์จึงมี ๒ ชั้น คือรอดชีวิตชั้นหนึ่ง และใช้ชีวิตที่รอดแล้วนั้นให้รอดจากความชั่วอีกชั้นหนึ่ง
ปัญหามีอยู่ว่า บางคนเพียงแค่รักษาชีวิตให้รอดก็ลำบากนักหนา บางคนรักษาชีวิตรอดอยู่ได้ แต่ไม่รอดจากความชั่ว ที่เป็นเช่นนี้ บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าของชีวิตไม่เคยสำรวจให้รู้ว่ามีสิ่งที่เกินจำเป็นอยู่ในชีวิตบ้างหรือเปล่า หรือรู้แล้วแต่ยังสลัดสิ่งนั้นไม่หลุด หรือไม่ยอมสลัด เพราะยังเห็นความจำเป็นในสิ่งที่ไม่จำเป็นอยู่ ถ้าเราจะลองเอาอย่างต้นไม้ดูบ้างก็ไม่น่าจะเสีย คือหัดสลัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปเสียบ้าง เช่น ของที่ไม่จำเป็นต้องกินก็อย่ากิน ไม่จำเป็นต้องดื่มก็อย่าดื่มไม่จำเป็นต้องเล่น ต้องเที่ยว ก็อย่าเล่น
อย่าเที่ยว จากนั้นจึงค่อยสลัดสิ่งจำเป็นน้อยที่สุดเป็นอันดับต่อไป จนกระทั่งให้เหลือแต่สิ่งที่จำเป็นที่สุดจริง ๆ เท่านั้น ทำได้ดังนี้ เราจะมีโอกาสรักษาชีวิตให้รอดได้สะดวกขึ้น ทั้งยังจะเป็นพื้นฐานให้ชีวิต
ที่รอดแล้วนั้นได้รอดพ้นจากความชั่ว อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องทำชั่ว เพื่อให้ชีวิตรอด
จะไม่ลองสำรวจหาสิ่งเกินจำเป็นของชีวิต แล้วสลัดทิ้งเสียเหมือนต้นไม้ผลัดใบ เพื่อความอยู่รอดดูบ้างหรือ






